วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การโกรธของเเต่ละกรุ๊ปเลือด

คนเลือดกรุ๊ป A
คุณ อาจจะต้องใช้เวลามากหน่อยกว่าเค้าจะหายโกรธ เพราะเค้าเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น แต่ ปกติจะเป็นคนโกรธคนยาก จริงใจกับทุกคน แต่ถ้าลองใครทำให้โกรธล่ะเป็น เรื่อง ยิ่งเป็นคนที่เค้าไว้ใจแล้วมาหักหลังกัน อาจถึงขั้นไม่ร่วมทางกันเลย เชียว เวลาที่คนกรุ๊ป A โกรธ อย่าพยายามยับยั้งเค้า หรืออย่าไปแก้ตัวแทนคนที่ทำให้เค้าโกรธ เพราะเค้าอาจพาลมาโกรธคุณด้วย พยายามเอา อกเอาใจเรื่องอื่น เวลาจะช่วยให้เค้าหายโกรธได้ แต่ถ้าจะให้ดีอย่าทำให้เค้าโกรธ เลยเป็นดี

คนเลือดกรุ๊ป B
จริง ๆ แล้วคนเลือดกรุ๊ปนี้จะอารมณ์ดี ออกจะเป็นคนโกรธง่าย แต่ก็ลืมง่ายด้วย เค้าจะโกรธใครได้ไม่นานนักหรอก สักพักเค้าก็ลืมแล้ว ยิ่งมีเรื่องหนุ ก ๆ มาเล่าให้ฟัง หรือมีอะไรมัน...มันให้เค้าทำก็ยิ่งดี ถ้าคนเลือด กรุ๊ป B โกรธขึ้นมา ต้องพยายามอย่าไปใส่ใจมากนักในที่นี้ไม่ได้หมาย ความว่าให้ทำเป็นไม่สนใจเค้านะ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นเค้าอาจจะพาลโกรธมากขึ้น แค่อย่าไปพูดรื้อฟื้นทำให้เค้าลืม ๆ ไป ยิ่งลืมเร็วเท่าไหร่ยิ่ง ดี

คนเลือดกรุ๊ป AB
เค้าจะเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง เป็นคนเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองสูง ถือดีเป็นที่สุด และไม่ชอบง้อใคร เวลาจะทำอะไรเค้าก็เป็นคนมีเหตุผลพอสมควร แต่ เหตุผลก็จะเข้าข้างตัวเองซะมาก เค้าอาจจะทำให้คุณปวดหัวได้หากทำให้เค้า โกรธ เพราะเค้าจะไม่ยอมฟังคำแก้ตัวใด ๆทั้งสิ้น ก็บอกแล้วว่าเค้ามีเหตุผลที่ ค่อนข้างเข้าข้างตัวเอง ถ้าเค้าโกรธก็ยอมๆ เค้าหน่อย ยอมที่จะเอ่ยคำว่าขอโทษคงไม่เสียศักดิ์ศรีของคุณเท่าไหร่หรอกมั้ง แค่เนี้ย.... เค้าก็จะหายโกรธแล้ว
คนที่มีเลือดกรุ๊ป O
ความโกรธของคนเลือดกรุ๊ป O รุนแรงราวกับพายุ เฮอริเคนก็ไม่ ปาน เค้าจะน่ากลัวมากเมื่ออยู่ในอารมณ์โกรธ อย่าไปขวางเชียวอาจโดนลูกหลง เข้า ได้ แต่เค้าเป็นคนมีเหตุผลมาก จึงเป็นเรื่องที่ยากหากจะทำให้เค้าอารมณ์ ดี
อย่างที่บอกแล้วว่า ถ้าโกรธจะแรงมาก แต่ถ้าเค้ารู้ สาเหตุข้อเท็จจริงที่ทำให้เค้าโกรธ อธิบายให้เค้าฟังอย่างมีเหตุผลเค้าก็จะหาย โกรธเป็นปลิดทิ้ง ประมาณว่าเหมือนไม่เคยโกรธกัน มา ก่อน



วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2554

ความรัก ความจริงใจ ความประทับใจ เเละความผูกพันธ์

กาลครั้งหนึ่ง...
มีเด็กชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า 'ความรัก'
ความรักไม่รู้ว่าเขาเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เขาไม่เคยเห็นผู้ให้กำเนิด
'ความรัก' เกิดมาท่ามกลางความมืดมนและว่างเปล่า...


ความรักเฝ้าตามหาอะไรบางอย่างที่ทำให้ตัวเขารู้สึกไม่เหน็บหนาว
เขาอ้างว้าง เขาสับสน เขาอยู่คนเดียวมานานเกินพอ...
...เขารู้สึกว่าอะไรยังขาดหายไป


ความรักเริ่มออกเดินทางบนถนนสายที่ไม่มีจุดเริ่มต้น...
ถนนสายนี้ทอดยาวไกลไปในความมืดมิด...และดูท่าไม่มีที่สิ้นสุด
ความรักเริ่มท้อใจ...เมื่อไหร่เขาจะเจอเพื่อนร่วมทางเสียที...


แสงสว่างเล็กๆ กระพริบพราวท่ามกลางความมืดรอบกาย แล้วหายไป...
ความรักดีใจมาก ในที่สุดก็มีแสงสว่างจุดขึ้นมาแล้ว
เขาเดินเข้าใกล้...และพบกับใครคนหนึ่งที่นั่งกอดเข่าอยู่เดียวดาย

...เธอคนนั้นคือ 'ความจริงใจ'...

ความจริงใจบอกกับความรักว่าเธอถูกสั่งให้มาเฝ้ารอใครสักคน...
เธอนั่งอยู่ตรงนี้นานแล้ว...นานจนแทบจะหมดหวัง...
เธอเห็นแสงสว่างอยู่ไกลๆ...และความรักก็เข้ามาหาเธอ


ทั้งสองส่งยิ้มให้กัน...ไม่ต้องให้มีใครบอกเขาก็รู้ พวกเขาทั้งคู่ต้องก้าวไปด้วยกัน...
ความรักส่งมือให้ความจริงใจจับเอาไว้ แล้วพวกเขาก็เริ่มก้าวเดิน...


ก้าวที่ทั้งสองเดินไปค่อยๆย่างอย่างช้าๆ...ไม่รีบร้อน
อาจจะมีมรสุมพัดกระหน่ำเข้ามาบ้างแต่มือที่จับกันเอาไว้ไม่เคยปล่อย... ผ่านลมที่โหมกระหน่ำ
ผ่านความมืดและความเหน็บหนาว... ผ่านหลายๆสิ่งมาด้วยกัน


และแล้วก็มีเด็กน้อยๆสองคนจูงมือกันเข้ามา...
เด็กน้อยคนหนึ่งที่ดูบอบบางและอ่อนแอราวกับจะล้มลงได้ทุกเมื่อ
แต่อีกคนกลับดูเข้มแข็ง...และคอยปกป้องอีกคนเสมอ
พวกเขาแนะนำตัวว่าเขาคือ 'ความประทับใจ' และ 'ความผูกพัน'


ความรักและความจริงใจอุ้มเด็กทั้งสองมาแล้วร่วมเดินบนเส้นทางไปด้วยกัน...
เส้นทางที่เคยมืดสนิทเริ่มมีแสงจางๆส่องรำไร... ถนนสายที่ดูยาวไกลไม่สิ้นสุด ตอนนี้กลับเห็นปลายทางสว่างริบหรี่...

...ในใจของพวกเขาเกิดความหวัง...เส้นทางที่พวกเขารอคอยใกล้เข้ามาถึงแล้ว

แต่แล้ว! ก็มีเงาทะมึนมาทาบทับ เงาปีศาจสองตัวโอบล้อมพวกเขาเอาไว้
เจ้าปีศาจแนะนำตัวเองว่ามันคือ 'ความแตกร้าว' และ 'ความเศร้า'


...พวกมันต้องการจะจับความรักไป...

เด็กน้อยที่ชื่อความประทับใจร้องไห้จ้า มันกลัวเหลือเกิน ยิ่งร้องไห้ ร่างบอบบางนั้นยิ่งจางลงราวกับจะสลายไป...
ความผูกพันโผเข้ากอดความประทับใจแน่น... เขาค่อยๆปลอบจนความประทับใจหยุดสะอื้น...


ร่างกายของเด็กน้อยนั้นกลับมามีรูปร่างดังเดิม...
ในขณะที่ปีศาจทั้งสองตนมีสีหน้าตื่นกลัว...ร่างของมันเองที่กำลังสลายไปช้าๆ


ความรักกับความจริงใจเห็นดังนั้นจึงกอดเด็กน้อยทั้งสองแน่น ร่างทั้งสี่กอดกันกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียว ความแตกร้าวและความเศร้ากรีดร้อง...

...แล้วมันก็สลายไป

ทั้งสี่ส่งยิ้มให้กัน...พวกเขาทำสำเร็จแล้ว!

ทันใดนั้นเอง... แสงสว่างก็แยงจ้าไปทั่ว... ความรักรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังลอยขึ้นช้าๆ...
ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณู...

เสียงปริศนาที่มีชื่อว่า 'ความสุข' ดังก้อง...

"พวกเจ้าเข้าใจแล้วใช่ไหม? ว่าทำไมข้าถึงให้พวกเจ้ามาเดินทางร่วมกัน...

...นับตั้งแต่วันนี้ไป...พวกเจ้าจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ข้าจะให้ชื่อของพวกเจ้าว่า 'ความสัมพันธ์' "

...ทั้งสี่ถูกรวมเป็นคนใหม่คนเดียวกัน...ร่างกายที่ดูแข็งแกร่งและมั่นคงกว่าเดิม...และพร้อมเผชิญกับทุกปัญหา...

พวกเขาเข้าใจแล้วว่า...เขาเกิดมาทำไม...
มีความรัก ความจริงใจ จึงเกิดความประทับใจ แล้วกลายเป็นความผูกพัน
บางครั้งอาจจะมีปัญหาบางอย่างที่ทำให้เกิดความแตกร้าวและความเศร้า อาจจะทำให้ความประทับใจลดน้อยลง
แต่ความผูกพันก็ยังเหนี่ยวรั้งทุกอย่างเอาไว้...

...แต่สุดท้าย ทุกอย่างจะผ่านไปได้ต้องมีพื้นฐานคือความรักและความจริงใจ... นี่แหล่ะค่ะ ความสัมพันธ์ของคนสองคน


อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1563094#ixzz1BCc6i6Bm

วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

ชนิดของกล้ามเนื้อ

1.กล้ามเนื้อเรียบ  มีลักษณะคล้ายกระสวย มีนิวเคลียสเดียว ทำงานภายนอกอำนาจจจิตใจ
2.กล้ามเนื้อลาย   มีหลายนิวเคลียส ทำงานภายในอำนาจจิตใจ มีลายขวาง
3.กล้ามเนื้อหัวใจ  มีลักษณะเป็นกิ่ง มีลาย  ทำงานภายนอกอำนาจจิตใจ

วันศุกร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2554

ชวนคุนมาอมยิ้มกันจ๊ะ



1. รู้มั้ยว่ามีคนคิดถึง รึว่าควันธูปยังเลยไปไม่ถึง เลยไม่รู้ตัว
2. รักกด 1 ... คิดถึงกด 2 ... ไม่กดเลย ถูกทั้งสองข้อ
3. ฝันถึงเธอทั้งคืน ต้องตกใจตื่น เฮ้อ ... ฝันร้ายจัง
4. รู้ว่าไม่ว่าง ก้อฝนตกขนาดนี้ รู้นะคนดี ต้องไปไถนาอีกแล้วล่ะสิ แย่จัง
5. อย่าเพิ่งรีบไปผุดไปเกิดที่ไหน เด๋วปอเต็กตึ๊งจะไปรับ
6. ฉันรักกับเธอไม่ได้จิงๆ เพราะไม่เคยคิดรักกับลิงมาก่อน
7. เจ็บมากมั้ย ... คนดี ขอโทษที ความสวยของพี่ไม่เคยปราณีใคร
8. เพียงแค่เธอส่งสายตามองมา ฉันก้อขนลุกซู่ซ่า ... เพราะว่าปวดอึ
9. คนอะไรน่ารักเป็นบ้า สงสัยเพิ่งหลุดออกมาจากศรีธัญญาแน่ๆ
10. อย่าแกล้งทําเป็นขี้เหร่นักสิ ตั้งแต่เกิดมา ... เธอแกล้งอย่างนี้มาตลอดเลยนะ
11. อยากรักเธอให้มากๆ อยากจะมาอยู่ใกล้ อยากจะบอกว่าห่วงใย แต่ทําไม่ได้ เพราะฉันตอแหลไม่เป็น 12. message นี้ส่งมาด้วยคลื่นตรวจจับความขี้เหร่ ถ้าปรากฏบนมือถือใคร ก้อแสดงว่า ...
13. คุณจะได้ลาภเป็นสัตว์สองเท้า แต่จะมาทีละเท้า เตรียมตัวให้ดี!!
14. รู้ตัวรึป่าวว่าเธอเป็นคนสวย แต่อยากให้รู้ไว้ด้วยนะว่าฉันชอบโกหก
15. พูดถึงเรื่องเรียนทําเป็นบ่นกระปอดกระแปด พูดถึงเรื่องแรดๆ ... แหม ... คุยกันแซดไม่มียั้ง
16. ไม่เป็นไรหรอกหากเธอไม่สน ฉันก้อจีบเธอแก้บนเท่านั้น
17. เธอจะสวยกว่านี้ ถ้าไปศัลยกรรม หู ตา จมูก ปาก ที่มีซะใหม่
18. มีใจไว้ให้เธอ มีเธอไว้ในใจ แต่ช่วยขยับที่หน่อยได้มั้ย เพราะฉันยังต้องมีใครอีกหลายคน
19. sexy เหลือเกิน จนอยากเชิญไปถ่ายแบบโฆษณาเพดดีกรี
20. สิ่งหนึ่งที่อยากให้เธอรับรู้ หุ่นของเธอคล้ายหมูเข้าไปทุกวัน
21. เดินทั้งวันเมื่อยจัง ขอหน้าสวยๆของเธอ พักวางเท้าหน่อยดิ
22. ไม่ค่อยกล้าส่ง message มากวนใจ เพราะเห็นป้ายเขียนไว้ว่าอย่ารบกวนสัตว์
23. รักเธอมากมาย เกินกว่าใจจะบอก รักเธอจนอึไม่ออก ไม่รู้จะบอกใคร
24. ทําไมออกมาเดินเพ่นพ่าน ระวังเทศบาลมาจับตัวไป
25. ลุยมาเจ็ดป่าช้าไม่เคยกลัว เจอกับเธอตัวต่อตัว กลัวแทบตาย
26. อย่าไปเชื่อใครๆว่าเธอเหมือนหมู เพราะฉันดูแล้วเธอเหมือนฮิปโปมากกว่า 
27. หมอจะผ่าตัดคนไข้ แต่ยาสลบหมด เลยอยากมาขอลมปากเธอไปเป่าให้
28. คงไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่เธอทําไม่ได้ นอกจากการที่จะหายเป็นกะเทย
29. แต่งตัวสวยจังเลยวันนี้ รองเท้ารับกับใบหน้าพอดีเด๊ะเลย
30. กําลังใจฉันเริ่มหมด แม้กระทั่งจะตด ยังไม่มีแรง a

นิทานความรักของข้า

นิทานความรักของข้า
มีอยู่ว่า
กาลครั้งหนึ่ง นานแสนนานมาแล้ว
ข้ารักเจ้า
……………………………………………………
………………………..
……………….
……………
…….
กระต่ายสีขาวเป็นเพื่อนซี้กับกระต่ายตัวสีดำ
ทั้งสองสนิทสนมรู้ไส้รุ้พุงกันหมด
แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ถูกปิดบังไว้ นั้นคือ กระต่ายตัวสีดำหลงรักกระต่ายตัวสีขาวมาตลอด
กระต่ายตัวสีขาวหลงรักพระจันทร์ ทุกค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวงเมื่อไร
กระต่ายตัวสีขาวจะผละเวลามานั่งมองพระจันทร์บนโขดหินเสมอ
กระต่ายตัวสีดำ รู้ว่าเพื่อนที่ตนแอบรักนั้นหลงเสน่ห์ดวงจันทร์บนฟ้ายิ่งกว่าสิ่งใด
ครันเวลาเห็นคนที่รักหายไปทุกค่ำคืน ยิ่งพาใจของมันเหงาจับจิต
กระต่ายตัวสีดำได้แต่แอบเฝ้ามองกระต่ายที่ตนหลงรัก
ทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี !
การกระทำเดิมๆของกระต่ายตัวสีขาว
ทำให้กระต่ายตัวสีดำ รู้สึกน้อยใจ ยิ่งนัก
“พอกันทีเจ้าขาว เจ้าควรหยุดเพ้อเจ้อ ถึงพระจันทร์งี่เง่านั้นสักที”
กระต่ายตัวสีดำ พูดขึ้นมาอย่างตัดพ้อ ก่อนจะเดินออกมาจากพุ่มไม้หน้าโขดหินที่มันหลบซ่อนมองกระต่ายสีขาวทุกคืน
กระต่ายตัวสีขาวพลันตกใจ ไม่คิดว่าเพื่อนรักจะมาแอบสุ่มดูมันอยู่
ไม่ทันที่เจ้ากระต่ายสีขาวนวลจะตอบ กระต่ายน้อยสีดำกระโดดหายไปพร้อมทิ้งความสงสัยให้กับมัน
น้ำตาที่หลั่งไหลออกมาจากดวงตาคู่น้อย ของเจ้าดำ
“อีกกี่ครั้ง น้ำตาของข้า มันจะหมดลงเพื่อเจ้า ”
!!!!!! ทันใดนั้น แสงวูบๆวาบๆ ก็ปรากฏที่หน้าเจ้ากระต่ายตัวสีดำ
“ข้าสงสารเจ้าเหลือเกิน ข้าแอบเห็นเจ้าร้องไห้แถวนี้บ่อยๆ เพราะกระต่ายสาวตัวนั้น ใช่หรือไม่
..ข้ามีพรให้เจ้าหนึ่งประการ จงเลือกขอได้ เลย”
แม้เจ้ากระต่ายตัวสีดำจะไม่เห็นร่างของเสียง
พลันได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจ รีบขอพรที่คิดไว้ทันที
“ข้าขอ ให้พระจันทร์หายไป!”
แสงวุบๆวาบๆนั้นหายไป พร้อมกับพระจันทร์ !
“จำไว้นะว่า สิ่งที่เจ้าขอ ไม่อาจขอคืนได้”
และเสียงที่ไร้ร่างนั้น ก็หายไป
กระต่ายสีดำดีใจมาก มันรีบวิ่งกลับไปหากระต่ายตัวสีขาว
และคิดจะบอกรัก กระต่ายที่ตนแอบมองให้ได้ในคืนที่ไร้จันทร์
ไม่ทันที่เจ้ากระต่ายตัวสีดำจะมาถึงโขดหิน
กระต่ายน้อยตัวสีขาว วิ่งกระวนกระวายใจมาหามันด้วยสีหน้าที่มีเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
พลางพูดว่า “เจ้าดำ เห็นจันทร์ดวงน้อยของข้าบ้างหรือไม่ ”
ิเจ้ากระต่ายสีขาวร้อนใจยิ่งนัก เห็นเจ้าดำเพื่อนรักไม่ตอบ
ก็วิ่งตะกุยตะกาย หาจันทร์ดวงนั้นไปทั่วฟากฟ้า
วันแล้ว วันเล่า ดวงจันทร์ก็ไม่เคยโฉบฉายบนนภาอีกเลย…
ฟ้าแล้ว ฟ้าเล่า จะฟ้าตรงไหน ก็ไม่เจอจันทร์ดวงนั้นอีกเลย..
หลายคืนต่อมา
เจ้ากระต่ายตัวสีขาวกลับมานั่งบนโขดหิน ขณะนั้นเอง เจ้ากระต่ายตัวสีดำก็เขยิบมานั่งใกล้ๆ
มันพรรณนาถึงจันทร์ดวงนั้นร่ำไป
“จันทร์ดวงน้อยของข้า เวลาที่ข้าได้สัมผัสแสงนวลอ่อนของเจ้า
หัวใจของข้ามันเหมือนดั่งมีแรงทรงพลัง ข้าแค่ขอได้มองเจ้าทุกคืน
ไม่ได้ต้องการจับต้องเจ้า ให้หม่นหมอง เพราะตัวเจ้าเกินกว่าที่ข้าจะคู่ควร
เพียงได้สัมผัสแสงนวลอ่อนจากเจ้า เท่านี้ที่ข้าต้องการ ..แต่เจ้าก็หนีหายไปจากข้า”
เจ้ากระต่ายตัวสีขาวพูดอย่างตัดพ้อ เสียใจ
เวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้ว นานอีก เจ้ากระต่ายตัวสีขาวที่ร้องไห้เสียใจอยู่ทุกค่ำคืน
ยังไม่ลดละจะนั่งรอจันทร์ดวงน้อยต่อไป
กระต่ายตัวสีดำนั้นรู้สึกผิด และอยากจะทำให้คนรักของตนกลับมาสดใสร่าเริงเช่นเคย
“รักของเจ้า คือการได้รักอย่างแท้จริง ข้าศรัทธาความรักของเจ้า และมิอาจทำลายมันลง จะมีสิ่งไหนช่วยนำจันทร์ดวงนั้นกลับมาได้บ้าง!”
กระต่ายน้อยตัวดำส่งเสียงตะโกน เพื่อเรียกผู้ให้พร
และแสงวุบๆวาบๆ ก็ปรากฎต่อหน้าของมัน
“จะเปลี่ยนใจแล้วเหรอ ” กระต่ายสีดำพยักหน้าแววตาของมันแน่วแน่กว่าครั้งไหน
“โปรดช่วยนำจันทร์ดวงเดิมกลับมาสู่ฟากฟ้าดังเดิมด้วยเถิด จะให้ข้าทำอะไร ก็ยอมทั้งสิ้น”
ผู้ให้พรเห็นถึงความแน่วแน่ของกระต่ายสีดำ จึงเอ่ยออกไปว่า
“จะให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม นั้นเป็นเรื่องยาก เจ้าจะต้องกลายเป็นหินไปตลอดกาล”
กระต่ายน้อยตัวสีดำ มันชะงักเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตกลง
“แต่ก่อนที่ข้าจะกลายเป็นหินโสโครก ข้าขอทำอะไรก่อนได้ไหม”
ไม่ทันที่ผู้ให้พรจะตอบตกลง เจ้ากระต่ายรีบวิ่งกระโดดเพื่อจะไปหากระต่ายตัวสีขาวที่โขดหิน
” นับแต่นี้ไป ข้าจะยอมเป็นหินให้เจ้าพัก ตรงนี้ เพื่อที่เจ้าจะได้มองดูดวงจันทร์ที่รักของเจ้าต่อไป โปรดจำไว้ ว่าข้ารักเจ้า และศรัทธาในรักของเจ้า เจ้าอันเป็นที่รักของข้า”
สิ้นเสียงกระต่ายน้อยตัวสีดำ ร่างของมันกลายเป็นหินก้อนใหญ่ ให้เจ้ากระต่ายสีขาวได้พักพิง สมความปรารถนาครั้งสุดท้าย
ความรักของข้า คือ การได้เห็นคนรัก มีความสุข แม้จะไม่ได้ถูกรัก ก็ตาม

วันพุธที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ตุ๊กตา

I have a boyfriend who grew up with me. His name is Jin.
ฉันมีแฟนอยู่หนึ่งคน เราเติบโตมาด้วยกัน ชื่อว่าจิน
I always thought of him as a friend until last year, when we went to a trip from a club. I found that I fell in love with him.
ฉันคิดกับเขาแค่เพื่อนมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว ตอนที่เราไป Club trip ด้วยกัน ฉันพบว่าฉันตกหลุมรักเขาสะแล้ว
Before that trip was over, I took a step and confessed my love for him.
ก่อนที่เราจะกลับจากที่ไปเที่ยว ฉันได้สารภาพรักกับเขา
And soon, we became a pair of lovers, but we loved each other in different ways.
ในไม่ช้า, เราก็กลายมาเป็นคู่รักกัน แต่เราสองคนรักกันในทางที่ต่างกัน
I always concentrated on him only, but by his side, there were so many other girls.
ฉันสนใจแต่เขาเพียงคนเดียวเสมอ แต่ว่า ข้างกายเขา, กลับมีผู้หญิงหลายคนเข้ามา
To me, he was the only one, but to him, maybe I was just
สำหรับฉันแล้ว เขาเป็นผู้ชายคนเดียว แต่สำหรับเขา ฉันอาจจะเป็นเพียง
another girl...
ผู้หญิงคนนึงเท่านั้น.....
"Jin, do you want to go watch a movie?" I asked.
"จิน, อยากไปดูหนังไหม" ฉันถามเขา
"I can’t"
"เราไปไม่ได้"
"Why? You need to study at home?" I felt disappointment grabbing me.
"ทำไมเหรอ, หรือว่าต้องอ่านหนังสือที่บ้าน?" ฉันรู้สึกถึงความผิดหวังที่เข้ามาในใจฉัน
"No, I am going to meet a friend..."
"เปล่าหรอก, เรานัดกับเพื่อนไว้..."
He was always like that.
เขาจะเป็นแบบนี้เสมอ
He met girls in front of me, like it was nothing.
เขาพบเพื่อนผู้หญิงต่อหน้าฉัน เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
To him, I was just a girlfriend.
สำหรับเขาแล้วฉันคือ เพื่อนหญิงคนนีงเท่านั้น
The word ‘love’ only came out from my mouth.
คำว่ารัก แค่ออกมาจากปากของฉันเท่านั้น
Since I knew him, I had never heard him say ‘I love you’ before.
ตั้งแต่ฉันรู้จักเขา, ฉันไม่เคยได้ยินเขาพูดคำว่ารักมาก่อน
To us, there weren’t any anniversaries at all.
ไม่เคยมีฉลองวันครบรอบสำหรับพวกเรา
He didn’t say anything from the first day and it continued
เขาไม่เคยพูดอะไรตั้งแต่วันแรก และมันก็เป็นแบบนั้นต่อไป
till 100 days... 200days...
100 วัน ก็แล้ว.....200วันก็แล้ว
Everyday, before we say goodbye, he would just hand me a doll, everyday, without fail. I don’t know why...
ทุกวันก่อนที่เขาจะพูดคำลา, เขาจะแค่จะให้ตุ๊กตาตัวนึงกับฉัน, ทุกวัน, ไม่เคยตกขาด ฉันไม่รู้ว่าทำไม
Then one day...
จนกระทั่งวันหนึ่ง
Me: Um, Jin, I...
ฉัน:เออ, จิน, เรา....
Jin: What... don’t drag, just say..
จิน: อะไรเหรอ...อย่ามาอ้ำอึ้งหน่า, แค่พูดมา..
Me: I love you.
ฉัน: เรารักนายนะ
Jin: ....um, just take this doll and go home.
จิน:....เออ, เอาตุ๊กตาตัวนี้ไปแล้วก็กลับบ้านซะนะ
That was how he ignored my ‘three words’ and handed me the doll.
นี่นเป็นการที่เขาไม่ใสใจคำ 3 คำของฉัน แล้วก็ส่งตุ๊กตาให้ฉัน
Then he disappeared, like he was running away.
จากนั้นเขาก็หายไป, เหมือนกับว่าเขากำลังวิ่งหนีฉัน
The dolls I received from him everyday, filled my room,
ห้องฉันเต็มไปด้วยตุ๊กตาที่เขาให้ฉันทุกวัน
one by one. There were many...
ทีละตัวทีละตัว จนเต็มไปหมด
Then one day came, my 15th year old birthday.
จนวันหนึ่งมาถึง, วันเกิดของฉันตอนฉันอายุ 15
When I got up in the morning, I pictured a party with him, and stranded myself in my room, waiting for his call.
ตอนที่ฉันตื่นขึ้นมาตอนเช้า ฉันวาดฝันว่าจ่ะมีปาร์ตี้กับเขา, แล้วฉันก็ขังตัวเองไว้ในห้องนอน, รอโทรศัพท์จากเขา
But... lunch passed, dinner passed... and soon the sky was dark... he still didn’t call.
แต่ว่า......ข้าวเที่ยวก็แล้ว...ข้าวเย็นก็แล้ว.....ในไม่ช้าท้องฟ้าก็กลายเป็นสีดำ...เขาก็ยังไม่ได้โทรมา
It was already tiring to look at the phone anymore.
ฉันก็ไม่อยากที่จ่ะเฝ้าดูโทรศัพท์อีกต่อไป
Then around 2am in the morning, he suddenly called me and woke me from my sleep. He told me to come out of the house.
จากนั้นประมาณตีสอง, เขาก็โทรมาหาฉัน แล้วก็ทำให้ฉันตื่น เขาบอกให้ฉันออกไปหาเขาที่หน้าบ้าน
Still, I felt joy and I ran out happily.
ฉันยังรู้สึกดี แล้ววึ่งออกไปหน้าบ้านอย่างมีความสุข
Me: Jin...
ฉัน:จิน....
Jin: Here... take this...
จิน:นี่.....เอานี่ไป
Again, he handed me a little doll.
อีกแล้ว, เขาให้ตุ๊กตากับฉันอีกแล้ว

Me: What’s this? ฉัน: นี่อะไร

Jin: I didn’t give it to you yesterday, so I am giving it to you now. I’m going home now, bye.
จิน: ไม่ได้ให้เมื่อวานนี้, ก็เลยต้องให้ตอนนี้, กลับบ้านก่อนนะ บาย
Me: Wait, wait! Do you know what today is?
ฉัน: เดี๋ยว!เดี๋ยว! รู้ไหมว่าวันนี้วันอะไร?
Jin: Today? Huh?
จิน:วันนี้เหรอ? อู?
I felt so sad, I thought he would remember my birthday.
ฉํนรู้สึกเศร้า, ฉันหลงคิดว่าเขาจำวันเกิดของฉันได้
He turned around and walked away like nothing had happen.
เขาหันกลับไปแล้วก็เดินจากไปเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
Then I shouted...
จากนั้นฉันตะโกน
"Wait...!"
เดี๋ยว!
Jin: You have something to say?
จิน: มีไรจะพูดเหรอ?
Me: Tell me, tell me you love me...
ฉัน: บอกเรา, บอกเรามาว่านายรักเรา....
Jin: What?!
จิน: อะไรนะ!
Me: Tell me
ฉัน: บอกเรามาสิ
I put my pathetic self behind and clung on to him.
ฉันทิ้งความอ่อนแอของฉันไว้ข้างหลัง และจับตาเขาไว้
But he just said simple cold words and left.
แต่ว่าเขาแค่พูดง่าย ๆ อย่างเหยือกเย็น แล้วก็ไป...
"I don’t want to say... that I love someone so easily, if you are desperate to hear it, then find someone else."
"เราไม่อยากพูด....ว่าเรารักใครง่าย ๆ ถ้าอยากได้ยินมากนักละก็ หาคนอื่นแทนเราซะ"
That was what he said. Then he ran off.
นั่นคือสิ่งที่เขาพูด แล้วเขาก็จากไป
My legs felt numb... and I collapsed to the ground. He didn’t want to say it easily...
ขาของฉันรู้สึกชา...แล้วฉันก็ทรุดลงไปบนพื้น เขาไม่อยากพูดมันง่าย ๆ
How could he....?
เขาทำอย่างนั้นได้ไง?
I felt that...
ฉันรู้สึกว่า...
Maybe he is not the right guy for me...
บางทีเขาอาจจะไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับฉันก็ได้...
After that day, I stranded myself at home crying, just crying.
จากวันนั้น, ฉันขังตัวเองในบ้าน และร้องไห้ แค่ร้องไห้
He didn’t call me, although I was waiting.
เขาไม่ได้โทรหาฉัน, ถึงยังไง ฉันก็ยังรออยู่
He just continued handing me a little doll every morning outside my house.
เขายังวางตุ๊กตาไว้หน้าบ้านฉันทุก ๆ วัน
After a month, I got myself together and went to school.
หลังจากเดือนนึงจากนั้น ฉันรวบรวมตัวเอง แล้วก็ไปโรงเรียน
But what made the pain resurface was that I saw him on a street with another girl
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ความเจ็บปวดของฉันกลับมาอีกครั้งก็คือ ฉันเจอเขาบนถนนกับผู้หญิงคนอื่น
He had a smile on his face, one that he never showed me as he touched the doll
เขามีรอยยิ้มบนใบหน้า, แบบที่เขาไม่เคยโชว์ให้ฉันเห็นตอนที่เขาจับตุ๊กตาที่จะให้ฉัน
I ran straight back home and looked at the dolls in my room, and tears fell...
ฉันวิ่งตรงกลับบ้านและมองตุ๊กตาในห้อง, แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา
Why did he gave these to me..?
เขาให้ตุ๊กตาฉันทำไม?
Those dolls are probably picked out by some other girls..
เขาอาจจะเอาตุ๊กตาพวกนี้มาจากผู้หญิงบางคน
In a fit of anger, I threw the dolls around.
ด้วยความโมโหของฉัน ฉันขว้างตุ๊กตาพวกนั้นรอบห้อง
Then suddenly, the phone rang. It was him.
ในทันทีทันใดนั้น โทรศัพท์ดัง มันเป็นเขา
He told me to come out to the bus stop outside my house.
เขาให้ฉันออกมาที่ป้ายรถบัสหน้าบ้าน
I tried to calm myself down and walked to the bus stop.
ฉันพยายามจะทำใจให้เย็นลง แล้วเดินออกไปที่ป้ายรถ
I kept reminding myself that I am going to forget him, that it’s going to end.
ฉันบอกกับตัวเองว่า ฉันกำลังจ่ะลืมเขา เรื่องของเราจ่ะจบลง
Then he came into my sight, holding a big doll.
จากนั้นเขาเดินมาหาฉัน ในมือถือตุ๊กตาตัวใหญ่ ๆ เอาไว้
Jin: Jo, I thought you were pissed, you really came?
จิน:โจ, ฉันคิดว่านายจ่ะโกรธมาก แต่ว่านายออกมาจริง ๆ เหรอ?
I couldn’t help hating him, acting like nothing had happen and joking around.
ฉันไม่สามารถหายเกลียดเขาได้ ฉันทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็หยอกเล่นกับเขา
Soon, he held out the doll as usual...
ในไม่ช้าเขาก็ให้ตุ๊กตากับฉันเหมือนอย่างเคย
Me: I don’t need it.
ฉัน: ฉันไม่ต้องการมัน
Jin: What? ...why?
จิน:อะไรกัน?..ทำไมหละ?
I grabbed the doll from his hands and threw it on the road.
ฉันรวบตุ๊กตาจากเขาแล้วก็โยนมันทิ้งไปบนถนน
Me: I don’t need this doll, I don’t need it anymore!! I don’t want to see a person like you again!
ฉัน: ฉันไม่ต้องการมัน ไม่ต้องการอีกต่อไปแล้ว!! ฉันไม่อยากเจอคนอย่างนายอีกต่อไป!
I spitted out all the words that were inside me. But unlike other days, his eyes very shaking.
ฉันเอาทุกคำพูดจากข้างในของฉันออกมา แต่ไม่เหมือนวัน อื่น ๆ ตาของเขากลับส่าย
"I’m sorry" He apologized in a tiny voice.
"เราขอโทษ" เขาพูดคำขอโทษด้วยน้ำเสียงเล็ก ๆ
He then walked over to the road to pick up the doll.
แล้วเขาก็เดินออกไปที่ถนนแล้วก็หยิบตุ๊กตาขึ้นมา
Me: You stupid! Why are you picking up the doll?! Just throw it away!!!
ฉัน: โง่จริง! ทำไมหยิบมันขึ้นมา!!! แค่โยนมันทิ้งไป
But he ignored me and just went to pick the doll.
แต่ว่าเขาไม่ได้สนใจ แค่เดินไปหยิบตุ๊กตาขึ้น
Then...
จากนั้น.....
Honk~ Honk~
บรืน~บรืน~
With a loud honk, a big truck was heading towards him.
ด้วยเสียงอันดัง สิบล้อคันใหญ่ก็วึ่งมายังเขา
"Jin! Move! Move away!" I shouted...
"จิน! หลบ! หลบออกไป!" ฉันตะโกน...
But he didn’t hear me, he squatted down and picked up the doll.
แต่ว่าเขาไม่ได้ยินเสียงฉัน เขาก้มลงไปหยิบตุ๊กตา
"Jin, move!"
"จิน!หลบไป"
HONK~!!
บรืน~!!
Boom!
ตูม!!
That sound, so terrifying.
เสียงนั้น ช่างน่ากลัวมาก
That’s how he went away from me.
นั่นคือวิธีที่เขาจากไปจากฉัน
That’s how he went away without even opening his eyes to say one word to me.
จากไปจากฉันโดยไม่เคยเปิดตาที่จ่ะพูดคำใด ๆ
After that day, I had to go through everyday with guiltiness and the sadness of losing him...
จากวันนั้น, ฉันจะต้องผ่านความรู้สึกผิดและความเศร้าเพราะว่าสูญเสียเขา...
And after spending two months like a crazy person, I took out the dolls.
และหลังจากที่ฉันใช้เวลา 2 เดือน เหมือนคนบ้า, ฉันหยิบตุ๊กตาขั้นมา
Those were the only gifts he left me since the day we started going out.
มันคือของขวัญอย่างเดียวที่เขาให้ตั้งแต่เราคบกัน
I remembered the days I spent with him and started to count the days when we were in love...
ฉันจำวันเหล่านั้นที่ฉันใช้เวลาอยู่กับเขา และเริ่มนับวันที่เราเคยรักกัน
One... Two... Three...
1...2...3
...Four hundred and eighty four. Four hundred and eighty five...
...484...485....
It all ended with 485 dolls.
แล้วก็หยุดที่ตุ๊กตา 485 ตัว
I then started to cry again, with a doll in my arms.
แล้วฉันก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง พร้อมกับถือตุ๊กตาตัวนึงในแขนของฉัน
I hugged it tightly, then suddenly...
ฉันกอดมันอย่างแน่น, ทันใดนั้น....
"I love you~, I love you~"
"ฉันรักเธอ~ ๆ"
I dropped the dolls,shocked.
ฉันทำตุ๊กตาหล่น แล้วก็ช็อก...
I...lo..ve...you??
ฉัน.รั..ก..เธอ??
I picked up the dolls and pressed its stomach.
ฉันหยิบตุ๊กตาขั้นมาแล้วก็กดลงไปที่ท้องของมัน
"I love you~ I love you~"
"ฉันรักเธอ~ ๆ"
It can’t be!
เป็นไปไม่ได้!
I pressed all the dolls’ stomach as it piled on the side.
กดลงไปที่ท้องของตุ๊กตาทุกตัว แล้วข้าง ๆ ของฉันเต็มไปด้วยตุ๊กตา
"I love you~"
"ฉันรักเธอ~ "
"I love you~"
"ฉันรักเธอ~ "
"I love you~"
"ฉันรักเธอ~ "
Those words came out non-stop.
คำเหล่านั้นออกมาไม่หยุด
I... love... you...
ฉัน...รัก....เธอ...
Why didn’t I realize that?.
ทำไมฉันไม่รู้ตั้งแต่ตอนนั้น?
That his heart was always by my side, protecting me.
ว่าหัวใจของเขาอยู่ข้าง ๆ ของฉัน, ปกป้องฉันไว้
Why didn’t I realize that he love me this much?
ทำไมฉันไม่รู้ตั้งแต่ตอนนั้น ว่าเขารักฉันขนาดนี้?
I took out the doll under the bed and pressed it’s stomach,
ฉันหยิบตุ๊กตาอีกต้วหนึ่งใต้เตียง แล้วก็ กดท้องของมัน
that was the last doll, the one that fell on the road.
มันเป็นตุ๊กตาตัวสุดท้าย ตัวที่ตกบนถนน
It had his blood stain on it.
ยังมีคราบเลือดติดอยู่
The voice came out, the on that I was missing so much...
เสียงที่ออกมาเป็นเสียงที่ฉันคิดถึงมาก
"Jo... Do you know what today is? We’ve been loving each other for 486 days. Do you know what 486 is? I couldn’t say I love you... Um... since I was too shy... If you forgive me and take this doll, I will say that I love you... everyday... till I die...
"โจ...รู้ไหมว่าวันนี้วันอะไร? เรารักกันมา 486 วันแล้วนะ นายรู้ไหมว่า 486 คืออะไร? เราไม่สามารถบอกรักนาย....อืม...ตั้งแต่ที่ฉันอายเกินไป....ถ้านายให้อภัยเราและเอาตุ๊กตาตัวนี้ไป, เราจ่ะบอกว่า เรารักนาย...ทุกวัน...จนวันตาย
Jo... I love you..."
โจ...เรารักนาย...."
The tears came flowing out of me. Why? Why? I asked God, why do I only know about all this now?
น้ำตาหล่นออกมาจากฉัน ทำไม? ทำไม? ฉันถามพระเจ้า, ทำไมฉันถึงเพิ่งมารู้ตอนนี้
He can’t be by my side, but he loved me until his last minute...
เขาไม่สามารถอยู่ข้างกายฉันได้ แต่ว่าเขารักฉันจนนาทีสุดท้ายของเขา
For that, and for that reason... to me... it became courage... to live a beautiful life....
สำหรับนั้น, และสำหรับเหตุผลนั้น...สำหรับฉัน...มันกลายมาเป็น ความแกร่ง....ที่จ่ะมีชีวิตอยู่อย่างสวยงา

วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เขียนบนพื้นทราย

มีคน 2 คนเป็นเพื่อนซี้กัน..
ต่างร่วมเดินทางไปในทะเลทราย... ระหว่างทาง..เกิดโต้เถียงขัดแย้งไม่เข้าใจกัน

เพื่อนคนหนึ่ง...พลั้งลงมือ...ตบหน้าอีกฝ่าย
ฝ่ายถูกทำร้าย...เจ็บปวด...แต่ไม่เอ่ยวาจา กลับเขียนลงบนผืนทรายว่า....

"วันนี้...ฉันถูกเพื่อนรักตบหน้า"

ทั้งสองยังคงเดินทางต่อ...กระทั่งถึงแหล่งน้ำ
พวกเขาตัดสินใจอาบน้ำ...ชำระกาย

พลัน..คนที่ถูกตบหน้ากลับจมน้ำ เพื่อนอีกคนไม่รั้งรอ...เข้าช่วยชีวิต
คนรอดตาย...ยังคงไม่เอ่ยวาจา.. กลับสลักลงไปบนหินใหญ่...
"วันนี้...เพื่อนรักช่วยชีวิตฉันไว้"



เพื่อน...อีกคนไม่เข้าใจ...ถามว่า... เมื่อถูกฉันตบหน้า...เธอเขียนลงทราย..
แล้วทำไมเมื่อครู่...ต้องสลักบนหิน
อีกคนยิ้มพราย...กล่าวตอบ

เมื่อถูกเพื่อนรักทำร้าย... เราควรเขียนมันไว้บนทราย
ซึ่งสายลมแห่งการให้อภัย... จะทำหน้าที่พัดผ่าน...ลบล้างไม่เหลือ

แต่เมื่อมีสิ่งที่ดีมากมาย...บังเกิด
เราควรสลักไว้บนก้อนหินแห่งความทรงจำในหัวใจ
ซึ่งจะไม่มีสายลมแรงเพียงใด...ลบล้างทำลาย